'อลีสซง เบ็คเกอร์ ' พ่อหมีผู้ใช้หัวใจเฝ้ารังหงส์

'อลีสซง เบ็คเกอร์ ' พ่อหมีผู้ใช้หัวใจเฝ้ารังหงส์

‘อลีสซง เบ็คเกอร์’ ผู้รักษาประตูค่าตัวสถิติโลก เจ้าของลูกเซฟมหัศจรรย์ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เซฟลูกจนพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

KEY

POINTS

  • อลีสซงเติบโตในครอบครัวรักษาประตู เดินตามรอยพี่ชาย ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งด้วยความมุ่งมั่น
  • เขาเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูด้วยค่าตัวสถิติโลก ประมาณ 66.8 ล้านปอนด์ 
  • อลีสซงเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลตามหา จนถึงตอนนี้เขาช่วยทีมไปแล้วถึง 74 ครั้ง เก็บคลีนชีทได้ 9 นัดจากการลงเล่น 27 เกม

“ผมทำงานร่วมกับผู้เล่นที่เก่ง ๆ มากมายหลายคน
แต่ผมยังไม่เคยเจอผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก จนกระทั่งเจอเขา”

คำชื่นชมดังกล่าวเป็นมากกว่าข้อคิดเห็นที่ ‘อาเน่อ ชล็อต’ เฮ้ดโค้ชลิเวอร์พูลเอ่ยชมแบบลอย ๆ แต่คือข้อเท็จจริงที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา พิสูจน์มาแล้วนัดต่อนัด พิสูจน์มาแล้วผ่านเซฟมหัศจรรย์มากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ในหลายฤดูการที่ผ่านมา ถ้าไม่มีเขา คงไม่มีลิเวอร์พูลในวันนี้

นี่คือเรื่องราวของ ‘อลีสซง เบ็คเกอร์’ ผู้รักษาประตูคีย์แมนคนสำคัญที่พาลิเวอร์พูลกลับมาเป็นยอดทีมแห่งยุโรปอย่างแท้จริง

น้องคนเล็กของครอบครัวผู้รักษาประตู

อลีสซง เกิดและเติบโตในครอบครัวผู้รักษาประตู พ่อและปู่ของเขาเป็นผู้รักษาประตูสมัครเล่นที่บ้านเกิดเมือง ‘โนโว ฮัมบูร์ก’ เมืองทางตอนใต้สุดของรัฐฮิวกรังจีดูซูว บราซิล ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีคุณแม่เป็นผู้รักษาประตูกีฬาแฮนด์บอลด้วย อลีสซงมีพี่ชาย 1 คนที่อายุมากกว่า 5 ปี ชื่อ ‘มูเรียล เบ็คเกอร์’ และใช่แล้ว ตอนนี้พี่ชายของเขาก็เป็นนักฟุตบอล และคงเดาได้ไม่ยากว่าเล่นตำแหน่งอะไร พี่ชายของเขาก็เป็นผู้รักษาประตู ! ครอบครัวเบคเกอร์ทุกคนล้วนมีจิตวิญญาณแห่งผู้รักษาประตูไหลเวียนอยู่ในสายเลือด 

ในวัยเด็ก อลีสซงโตมากับพี่ชาย ไม่ว่าพี่ชายไปไหน เขาจะไปด้วย ทั้ง 2 คนเตะลูกบอลเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่นกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตอนนั้นอลีสซงเล่าให้ฟังว่าตัวเขาเองน่าจะพึ่ง 3 ขวบเท่านั้นก็เริ่มที่จะรู้จักนักฟุตบอลแล้ว ทั้ง 2 คนโตมาโดยมีชื่อของ ทัฟฟาเรล เป็นแรงบันดาลใจที่มักจะถูกคุณพ่อนำไปสวมบทบาททุกครั้งเวลาเตะบอลเล่นด้วยกัน โดยมูเรียล พี่ของเขามักสวมบทบาทเป็น ดุงก้า ส่วนอลีสซงเป็นใครก็ตามที่ไม่ถูกทั้งคุณพ่อและพี่ชายเอ่ยถึง ตามชะตาชีวิตน้องคนเล็ก  อลีสซงสนิทกับพี่มาก ๆ ในวันที่พี่ชายเป็นเด็กฝึกหัดฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตู อลีสซงก็เดินตามเส้นทางนี้โดยที่มีพี่ชายเป็นฮีโร่

เส้นทางชีวิตนักฟุตบอลอลีสซง เรียกได้ว่าเดินตามพี่ชายมาติด ๆ เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสรอินเตอร์นาซิอองนาล ในฐานะเด็กฝึกหัดของสโมสรตอนอายุ 10 ขวบ และใช้เวลา 11 ปีไต่เต้าไปเป็นผู้รักษาประตูมือ 2 โดยมีพี่ชายเป็นกำแพงอยู่ตรงหน้าในตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 วันแล้ววันเล่าที่เขาเฝ้ามองดูฮีโร่อย่างใกล้ชิดจากข้างสนาม แต่แล้ววันที่เขาต้องก้าวข้ามพี่ชายก็มาถึง อาการบาดเจ็บของพี่ชายทำให้เขาต้องขึ้นมาทำหน้าที่แทน และตั้งแต่วันนั้น ชะตาชีวิตของอลีสซงก็ไม่ใช่เพียงแค่เด็กชายตัวน้อยที่เอาแต่วิ่งตามพี่ชายอีกต่อไป เขากลายเป็นเบอร์ 1 ของอินเตอร์นาซิอองนาลนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ที่สะสมและส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจะมาอยู่ที่น้องคนเล็กของครอบครัวเบคเกอร์

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ที่สอนให้รู้ว่าต้องอดทน

หลังจากยึดตัวจริงที่สโมสรอินเตอร์นาซิอองนาลตั้งแต่ฤดูกาล 2013 - 2016 พรสวรรค์ของอลีสซงก็ไปเตะตาแมวมองจากหลายทีมในยุโรป สุดท้ายแล้วเป็น โรม่า หมาป่าแห่งกรุงโรม ที่ได้ตัวอลีสซงไปตอนนั้น ตัวเขา พี่ชาย และครอบครัวต่างรู้ดีว่าอินเตอร์นาซิอองนาลเล็กไปแล้วที่จะให้อลีสซงเฉิดฉาย ไม่นานการย้ายตัวก็เกิดขึ้น ตอนนั้นที่โรม่ามีนักเตะอเมริกาใต้หลายคน และมีเพื่อนร่วมชาติหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฮวน เฮซุส, เอเมอร์สัน, บรูโน เปเรส และเกอร์สัน การย้ายไปทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะบ้านเดียวกันคือทางเลือกที่ชาญฉลาดอย่างมาก คุณไม่มีปัญหาเรื่องการปรับตัวแน่ ๆ ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุงโรม

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่เรื่องจริงไม่เป็นแบบนั้น ในฤดูการแรกที่อลีสซงย้ายไปค้าแข้งที่อิตาลี เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในซุ้มม้านั่งสำรอง ฤดูการแรกของอลีสซงไม่ได้ลงสนามช่วยทีมเลยแม้แต่เกมเดียว เพราะผู้รักษาประตูที่ยึดตำแหน่งตัวจริงตอนนั้นคือ วอยเช็ก เชสนี่ 

ก็จริงที่ตอนนั้นอลีสซงคือดาวรุ่งพรสวรรค์ แต่ ลูชาโน สปัลเลตตี ก็ไม่อาจเสี่ยงให้ดาวรุ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองขึ้นมาเป็นมือ 1 ของทีมแทนที่เชสนี่ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับทีมใหญ่อย่างอาเซน่อล ลงเล่นมาแล้วทั้งในพรีเมียลีกอังกฤษและเวทียูฟ่าแชปเปียนลีก และแน่นอนด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครพอใจแน่ ๆ 

“จนถึงตอนนี้อลีสซง ยังโกรธผมอยู่เลย ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจซักที
ในช่วงแรก ๆ ผมก็ปกป้องเขานะ แต่เขาก็ต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องของการอ่านเกม
และการยืนตำแหน่งให้ดีขึ้น”

วอลเตอร์ ซาบาตินี อดีตผู้อำนวยการกีฬาของโรมา ณ เวลานั้นให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับสื่อท้องถิ่นเมืองลิเวอร์พูลในปี 2025 แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้คือหนึ่งใน Mindset สำคัญของนักกีฬาระดับโลก ไม่มีใครพอใจที่ไม่ได้ลงเล่นหรอก ทุกคนล้วนอยากลงสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้รักษาประตูดาวรุ่งพรสวรรค์ อลีสซงเคยคิดอยากย้ายออกจากโรม่าเหมือนกันหลังจากนั่งอยู่ข้างสนามมาทั้งฤดูกาล แต่เขาทำได้แค่อดทน ก้มหน้าก้มตาทำผลงานในสนามซ้อมให้ดี และในท้ายที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึงจริง ๆ 

ในปีต่อมา ฤดูกาล 2017/2018 เชสนี่ ย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตูส ด้านผู้จัดการทีม ลูชาโน สปัลเลตตี ก็ย้ายไปคุม อินเตอร์ มิลาน ตอนนั้น โรม่า แต่งตั้ง ‘ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้’ อดีตผู้เล่นของทีมขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีม เหตุการณ์นี้ทำให้ อลีสซง เบคเกอร์ คว้าโอกาสและขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมได้สำเร็จ เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าคุณไม่รู้หรอกว่าโอกาสจะมาตอนไหน สิ่งที่ทำได้มีแค่เตรียมพร้อมให้ดีที่สุด ให้พร้อมสำหรับวันที่โอกาสมาถึง

ฤดูกาล 2017/2018 ที่ อลีสซง ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ถือเป็นการตัดสายสะดือแจ้งเกิดให้เขาอย่างแท้จริง อลีสซงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เขาพาทีมเก็บคลีนชีทได้ 17 ครั้งจาก 37 เกมในศึกเซเรียอา พาโรม่าจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ของตาราง เขายังคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของเซเรียอา และคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งฤดูกาลของโรม่า

จะบอกว่าฤดูกาลนี้คือฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของอลีสซงก็ว่าได้ มันควรเป็นแบบนั้น แต่จุดด่างพร้อยเดียวก็เกิดขึ้น ทีมของเขาตกรอบยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกแบบสุดช็อก ทั้ง ๆ ที่ในเลกแรกโรม่าชนะในบ้านด้วยสกอร์ 4-2 แต่กลับโดนยิงถล่มยับในเกมเลกที่ 2 ด้วยสกอร์ 5-2 ตกรอบด้วยสกอร์รวม 6-7

สรุปแล้ว 2 นัด อลีสซงโดนยิงไปเน้น ๆ 7 ลูก ทีมที่สร้างฝันร้ายให้กับโรม่าในค่ำคืนแห่งยุโรปคือ ลิเวอร์พูล

แต่ใครจะไปรู้ว่าทีมที่เคยสร้างฝันร้ายให้ อลีสซง ตอนนั้น จะกลายเป็นบ้านอันแสนอบอุ่นให้เขาในตอนนี้

น้องชายคนเล็กผู้มีค่าตัวสถิติโลก

ฤดูกาล 2017/2018 คือการเข้ามาคุมทีมเต็ม ๆ ปีที่ 2 ของ ‘เจอร์เกน คล็อปป์’ เป็นปีที่ลิเวอร์พูลได้เข้าชิงแชมป์ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ ‘เรอัล มาดริด’ ก่อนที่จะเป็นราชันชุดขาวที่ได้เถลิงแชมป์ในปีนั้น จริง ๆ แล้วในช่วงแรกเกมนัดนั้นสูสี แต่ไม่นานทุกอย่างของลิเวอร์พูลก็พังลงจากความผิดพลาดส่วนตัวของผู้รักษาประตู ‘โลริส คารีอุส’ ความผิดพลาดนี้อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลก

ความผิดหวังในนัดชิง และความผิดพลาดอันแสนเจ็บปวดของผู้รักษาประตู มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้คล็อปป์ต้องเดินหน้าหาผู้รักษาประตูคนใหม่ทันที ถ้าทีมคุณมีทั้งปีกขวาที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่าง ‘โมฮัมเม็ด ซาลาห์’ มีกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดของโลก ‘เวอจิล ฟานไดค์’ แต่กลับมีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจไม่ได้ พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไหร่ทีมจะถึงแชมป์ ? 

เวลานั้นมีชื่อของผู้รักษาประตูหนุ่มคนหนึ่งที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี ดวล 1-1 เก่ง อ่านเกมแม่นยำและปฏิกิริยาไว เป็นผู้รักษาประตูที่เฉิดฉายอย่างมากในยุโรป ณ เวลานั้น ‘อลีสซง เบคเกอร์’ ความผิดหวังส่งท้ายในฤดูกาล 2017/2018 ทำให้ตลาดซื้อขายฤดูร้อนปี 2018 ลิเวอร์พูลซื้อตัวอลีสซงมาด้วยค่าตัวสถิติโลกในตอนนั้นที่ 66.8 ล้านปอนด์ เป็นจุดเริ่มต้นสู่การเดินทางเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกของ อลีสซง อย่างแท้จริง

จากน้องชายที่คอยวิ่งตามพี่ชายในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่บราซิล สู่แอนฟิลด์ รังเหย้าของเจ้าแห่งฟุตบอลยุโรป สโมสรที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก

จิ๊กซอร์ชิ้นสุดท้าย ที่พาลิเวอร์พูลตื่นจากการเป็นยักษ์หลับ

อลีสซง เป็นเหมือนจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลตามหามานาน เขามีทักษะทุกอย่างที่ผู้รักษาประตูสมัยใหม่ต้องมี ไม่ว่าจะเป็น เล่นบอลด้วยเท้าเก่ง เปิดบอลแม่น มีคาแรคเตอร์ผู้นำ สั่งการกองหลังได้ดี ดวลหนึ่งต่อหนึ่งยอดเยี่ยม ทักษะเหล่านี้ทำให้เพื่อน ๆ ในทีม โค้ชและแฟนบอลไว้ใจ แต่หนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ อลีสซง คือผู้รักษาประตูระดับโลกคือ ‘ลูกเซฟมหัศจรรย์’

ลูกไหนที่ดูแล้วลิเวอร์พูลโดนแน่ ๆ ก็จะเป็นอลีสซงนี่แหละที่บินไปเซฟได้อย่างไรก็ไม่รู้ พุ่งไปปัดได้แบบเหลือเชื่อ คาแรคเตอร์นี้คือคาแรคเตอร์ที่เห็นได้จากบรรดาผู้รักษาประตูระดับโลกมานักต่อนัก บุฟฟอน, ปีเตอร์ เช็ก, น็อยเออร์, กูร์ตัว, ดอนนารุมมา, เด เคอา การมีลูกเซฟมหัศจรรย์จะสามารถทำให้ทีม ๆ หนึ่งสามารถมีแต้มในเกมที่ไม่ควรมีแต้ม ชนะในเกมที่ไม่ควรชนะ มีคำกล่าวว่าการมีผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมจะสามารถช่วยเซฟแต้มในลีกให้ได้ถึง 12-15 แต้มต่อฤดูกาล 

เมื่อปัญหาทุกอย่างของลิเวอร์พูลได้รับการแก้ไข จิ๊กซอร์ทุกตัวประกอบกันครบลงตัว ทันทีที่อลีสซงเข้าร่วมทีมในฤดูกาล 2018/2019 ฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูลก็สามารถแก้ตัว คว้าแชมป์ถ้วยใหญ่สุดของยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ ได้ทันที จุดต่างเดียวกับนัดชิงปีที่แล้วคือผู้รักษาประตูนี่แหละ ปีนี้ผู้รักษาประตูคืออลีสซง ไม่ใช่ คาริอุส  และสถิติของอลีสซงก็ไม่ธรรมดาจริง ๆ 

  • เขาพาทีมเก็บคลีนชีท 6 ครั้ง อันดับ 1 ของทัวร์นาเมนต์ 
  • เซฟช่วยทีม 46 ครั้ง อันดับ 1 ของทัวร์นาเมนต์
  • และได้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

ในด้านของผลงานในลีกก็ไม่ธรรดา เขาพาทีมจบนรองแชมป์ด้วยคะแนน 97 แต้ม แพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ทำได้ 98 แต้มแค่ 1 คะแนน ผลงานส่วนตัวก็ถือว่ายอดเยี่ยม เซฟช่วยทีมไปทั้งหมด 76 ครั้ง พาทีมเก็บคลีนชีทไปทั้งหมด 21 เกม คว้ารางวัลถุงมือทองคำประจำฤดูกาล 2018/2019 ไปครอง ซึ่งเป็นผลงานที่ดีกว่า แอแดร์ซง ผู้รักษาประตูจากแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ได้แชมป์ลีกเสียด้วยซ้ำ 

แต่ความเจ็บใจจากการแพ้ 1 แต้มให้กับแมนซิตี้ก็อยู่ไม่นาน เพราะในฤดูกาลต่อมา ฤดูกาล 2019/2020 ลิเวอร์พูลก็สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษสมัยที่ 19 ได้สำเร็จ เป็นการคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบไม่ต้องลุ้นจนถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทำแต้มทิ้งห่างอันดับที่ 2 อย่างแมนซิตี้ฯ ถึง 18 แต้ม

จะเห็นว่าตั้งแต่การย้ายมาของ อลีสซง เบ็คเกอร์ เขาก็กลายเป็นคนสำคัญของทีม พาทีมคว้าแชมป์รัว ๆ พร้อมพาทีมล่าความสำเร็จในทุกรายการที่ลงเล่น แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับชีวิตของอลิซงในปีต่อมา

เมื่อโลกทั้งใบของ อลีสซง เบ็คเกอร์ พังทลาย

ระหว่างการแข่งขันป้องกันแชมป์ของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2020/2021 เสียงโทรศัพท์ของอลิซซนดังขึ้น เขารับเหมือนทุกครั้ง คนที่อยู่ปลายสายคือเสียงของคุณแม่ ‘แมคกาลี่ เบคเกอร์’ แต่เป็นเสียงที่ไม่สู้ดีนัก คุณแม่แจ้งข่าวร้ายที่ทำให้อลีสซงช็อค

คุณพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตจมน้ำ

โลกทั้งใบของอลิสซนพังครืนลงมา ณ วินาทีนั้น เขาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง คุณพ่อเนี่ยนะจะจมน้ำ เขาคือคำนิยามของคำว่า ชายเหนือชายเลยนะ พ่อเป็นคนแบบนั้นเลยนะ ตอนนั้นสถานการณ์ของทีมลิเวอร์พูลกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการป้องกันแชมป์ ทำได้แค่ลุ้นพื้นที่ไปเตะบอลยุโรปในปีหน้า แต่พอเจอสถานการณ์นี้ในหัวของอลิสซนไม่มีเรื่องของฟุตบอลอีกเลย

อลิสซน ยังเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อในช่วงเวลานั้นที่บราซิลการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาปะทุอีกครั้ง หลายพื้นที่เป็นพื้นที่สีแดง ประกอบกับตอนนั้นภรรยาของเขา นาตาเรีย เบคเกอร์ ก็อุ้มท้องลูกคนที่ 3 อยู่ แพทย์ประจำตัวภรรยาให้ความเห็นว่ามันเสี่ยงมาก ๆ ที่จะบินไปยังบราซิลตอนนี้ ทำให้สถานการณ์นี้ อลีสซน ต้องบินกลับบ้านคนเดียว

เที่ยวบินที่ไวที่สุดจากเมืองลิเวอร์พูลถึงบราซิลใช้เวลาราว ๆ 15 ชั่วโมง อลิสซน ต้องนั่งเงียบ ๆ คนเดียวตลอดการเดินทางโดยไม่มีภรรยาอยู่เคียงข้าง ความโศกเศร้าเสียใจและความทุกข์ทรมานจากความสูญเสียคือสิ่งที่อลิสซนต้องรับมือให้ได้

“การที่คุณพ่อจากไป มันเหมือนผมถูกทำลายไปด้วย ในหัวผมโล่งไปหมด 2-3 วันต่อมาเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเบลอ ๆ สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือบรรดาดอกไม้แสดงความเสียใจที่ส่งมาที่บ้านของเรา”

นอกเหนือจากครอบครัวเบคเกอร์ คนที่เข้าใจสถานการณ์นี้ดีที่สุดคือ เจอร์เกน คล็อปป์ อลิสซนเล่าให้ฟังว่าคล็อปป์ก็สูญเสียคุณพ่อของเขาไปในช่วงเวลาที่อายุพอ ๆ กันกับตัวเขา ตอนนั้นคล็อปป์ให้เวลากับอลิสซนทำใจและอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมา ซึ่งเรื่องนี้เองอลิสซนบอกว่าบนโลกนี้มีผู้จัดการทีมไม่กีคนหรอกที่จะเข้าใจ  

ความทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์นี้ยังไม่สิ้นสุด เมื่อสิ้นสุดงานที่บราซิล เขาต้องบินกลับมายังอังกฤษแต่เพราะกฎระเบียบในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในตอนนั้นทำให้อลีสซงต้องกักตัวอยู่ในโรงแรมนานถึง 14 วันก่อนจะเดินทางในอังกฤษได้

การใช้ช่วงเวลา 14 วันหลังงานศพคุณพ่อ ในห้องสี่เหลียมแคบ ๆ คือช่วงเวลาแห่งความทรมานอย่างแท้จริงของอลีสซน ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับภาพความทรงจำในวัยเด็กของเขาและคุณพ่อที่พรั่งพรูออกมา แต่เขายังต้องรับมือกับความวิตกกังวลเรื่องของภรรยาอีก ตอนนั้นมาเรียท้องแก่มากแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้

สิ่งที่อลีสซนทำได้คือการโทรไปร้องไห้กับแม่และพี่ชาย อลีสซนอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง การคุยโทรศัพท์ครั้งนั้นคือหนึ่งในการเหตุการณ์ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต กับครอบครัวที่บราซิลก็อยากใช้เวลาด้วย กับภรรยาท้องแก่และลูก ๆ อีก 2 คนก็น่าเป็นห่วง แต่สุดท้ายแล้วอลีสซนก็นึกถึงพ่อ ว่าถ้าเป็นพ่อ คงอยากให้เขาใช้เวลานี้ปกป้องภรรยาและลูก ๆ ของตัวเองไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม นี่คือวิถีที่คุณพ่อใช้ชีวิต นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการให้เกียรติคุณพ่อที่ล่วงลับ

“ทุกครั้งทีผมมีโอกาสกอดพ่อ ผมกอด ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสบอกรักพ่อ ผมก็บอกรักเขา สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากบอกพ่อคือ ขอบคุณ”

เมื่ออลีสซงกลับมาฝึกซ้อมที่ลิเวอร์พูล เขามักนึกถึงคุณพ่ออยู่บ่อยครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพของคุณพ่อที่ยืนจ้องมองเขาอย่างอดทนอยู่ข้างสนามเมื่อครั้งที่เขาเป็นเด็ก ภาพของปลาที่ตกได้ด้วยกันที่ทะเลสาบใกล้บ้าน ภาพของการนั่งปิ้งบาร์บีคิวด้วยกัน นำเสียงของของคุณพ่อ ภาพของคุณพ่อที่นอนอยู่บนโซฟาตัวเก่าที่บ้านหลังเล็ก ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของอลิสซน แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ และเขาขงผ่านมันมาไม่ได้เลยถ้าไม่มีเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่ลิเวอร์พูล ไม่มี เจอร์เกน คล็อปป์ คนที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สองสำหรับเขา

สุดท้ายแล้วในฤดูกาล 2020/2021 เหมือนมีใครเขียนบทให้อลีสซงเป็นฮีโร่ ตอนนั้นลิเวอร์พูลสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะพลาดโควต้าไปเตะศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ก็เป็นอลีสซงนี่แหละที่ทำประตูสุดมหัศจรรย์จากการเติมขึ้นไปโหม่งประตูชัยในนาทีที่ 90+4 พลิกแซงเวสต์บรอม 2-1 หลังจากอลิสซนทำประตูชัยได้เขาก็ชี้และมองขึ้นไปบนฟ้าโดยหวังว่าพ่อจะดูอยู่จากที่ไหนซักแห่งบนนั้น

ชัยชนะนัดนั้นทำให้ลิเวอร์พูลจบอันดับ 3 ในลีก และคว้าโควตาไปเตะบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปได้สำเร็จ 

‘เซฟจนเป็นแชมป์’ ปัจจัยสำคัญพาลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากสุดในเกาะอังกฤษ

ความยอดเยี่ยมของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาร่วมทีมลิเวอร์พูลไม่เคยลดน้อยถอยลงไป ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลตลอดหลายปี การจากลาของ จอร์แดน เฮนเดอสัน, โรเบอโต้ ฟีมีโน่, ซาดิโอ มาเน่ จนมาถึงการวางมือจากตำแหน่งผู้จัดการทีม เจอร์เกน คล็อปป์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงแต่อลีสซงยังคงอยู่

เคราดิโอ ทัฟฟาเรล โค้ชผู้รักษาประตูที่ทำงานร่วมกับอลีสซงมาเป็นเวลานาน จนเรียได้ว่าโค้ชคู่บุญ เล่าให้ฟังว่าอลีสซงเคยได้รับความสนใจจากลีกซาอุดีอาระเบียจริง ๆ หลังจบฤดูกาล 2023/2024 มีข้อเสนอพร้อมค่าตอบแทนสุดมหาศาลอยู่บนโต๊ะเจรจา แต่อลีสซงก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะอลีสซงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับสโมสร และอยากจะสานต่อเรื่องราวที่ลิเวอร์พูล

การตัดสินใจของอลีสซงที่จะอยู่กับทีมต่อในสถานการณ์ที่ทีมเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการอำลาทีมของคล็อปป์ สู่ อาเน่อ ชล็อต ในฤดูกาล 2024/2025 ถือว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาและของสโมสรลิเวอร์พูล เพราะอลีสซงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษอย่างแท้จริง ใครจะไปคิดว่าในฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์สมัยที่ 20 ของลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษได้สำเร็จ และเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 ครั้งในรอบ 5 ปี 

จนถึงตอนนี้อลีสซง เซฟช่วยทีมไปแล้วถึง 74 ครั้ง เก็บคลีนชีทได้ 9 นัดจากการลงเล่น 27 เกม อาจจะไม่ใช้ตัวเลขที่เยอะมาก แต่หากดูที่รายละเอียดแต่ละเกมจะพบว่าในฤดูกาลนี้ อลีสซง มีเซฟมหัศจรรย์ช่วยทีมมานักต่อนัก และผลลัพธ์สุดท้ายคือเซฟมหัศจรรย์เหล่านั้นช่วงส่งลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษในฤดูกาลนี้ ฤดูกาลแรกที่ อาเน่อ ชล็อต เข้ามาคุมทีม ใช้นักเตะชุดเดิมกับที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ทิ้งไว้ให้

และในคืนนี้ที่ลิเวอร์พูลชูถ้วยแชมป์ลีกที่แอนฟิลด์ อลีสซงคงไม่ลืมที่จะมองขึ้นไปมองบนฟ้าพลางนึกถึงคุณพ่อ และเขาก็คงมองไปที่อัฒจรรย์เพื่อขอบคุณแฟนบอล ถ่ายรูปกับภรรยาและลูก ๆ ในสนาม ถ่ายรูปกับคุณแม่ ถ่ายรูปกับพี่ชาย คนที่เขานับถือเป็นฮีโร่เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก และแน่นอนเขาคงได้เจอและมีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อคนที่ 2 เจอร์เกน คล็อปป์ ด้วยแน่ ๆ 

เรื่องราวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ กับลิเวอร์พูลจะยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเจออุปสรรคที่ยากแค่ไหน เจอสถานการณ์ที่ท้าทายแค่ไหนเขาจะผ่านมันไปได้ เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา สุดท้ายแฟนบอลลิเวอร์พูลจะจดจำอลีสซงในฐานะตำนานสโมสรอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง

Is Alisson the Premier League’s best goalkeeper this season? / Premier League

13 fun facts about Alisson Becker / Goal

When You Walk Through a Storm / THE PLAYERS TRIBUNE

Klopp's Liverpool get their reward / UEFA

Alisson 'still angry' with former Roma sporting director over treatment Jurgen Klopp reversed / Liverpool

Liverpool coach reveals what Alisson told him about Saudi Arabia transfer speculation / Liverpool